ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับคู่ค้า
ของ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ
เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆในอนาคต บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) (ต่อไปในประกาศฉบับนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)ของบริษัท และบริษัทในเครือนี้ เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัท ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ได้แก่ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีอัตโนมัติ หรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้สามารถเข้าถึง หรือพร้อมใช้งานโดยการจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัด หรือการห้ามเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย
บริษัทจึงขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่าน และทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้ประกาศฉบับนี้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กลุ่ม หรือประเภทของบุคคลที่บริษัท ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้ประกาศ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัท ทำการเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วย
1. “ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า” หมายถึง บุคคลที่อาจเป็นคู่ค้ากับบริษัท ทั้งในกรณีที่บุคคลดังกล่าวได้แสดงเจตนาจะเข้าทำสัญญา และ/หรือลงทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัท และในกรณีที่บริษัท เป็นฝ่ายเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการตัดสินใจของบริษัทเอง เช่น พ่อค้า ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยาพร ผู้ทำธุรกิจอื่นใด ผู้เข้าร่วมโครงการธุรกิจ คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณธคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
2. “คู่ค้า” หมายถึง บุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือบริการแก่บริษัท หรือได้ลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับทางบริษัท หรือมีความสัมพันธ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับบริษัท เช่น พ่อค้า ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยาพร ผู้ทำธุรกิจอื่นใด ผู้เข้าร่วมโครงการธุรกิจ คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณธคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
3. “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า” หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรใดๆ ของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และรวมถึง ผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฎในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า และผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
วิธีที่บริษัท เก็บรวบรวม และรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1. บริษัทเก็บรวบรวม และรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง เช่น
– เมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มต่างๆของบริษัท
– เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับบริษัท
– เมื่อท่านส่งมอบเอกสาร และสำเนาเอกสารต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฎอยู่มาให้กับบริษัท
– เมื่อท่านสอบถามข้อมูล ให้ความเห็น หรือคำติชม หรือส่งข้อร้องเรียนต่อบริษัท ทางโทรศัพท์ อีเมล์ โทรสาร ทางไปรษณีย์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น
1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากบุคคลภายนอก
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจองท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น
– การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านพ่อค้า หรืองานแสดงสินค้า หรือบริการอื่นๆ หรือในบางกรณีบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า เป็นต้น
1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
2. ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่างๆ ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
3. กรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัทจะเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกความยินยอมได้ โดยติดต่อมายังบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายของประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่าน และดำเนินการตามฐานประมวลผลที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวม และประมวลผลภายใต้ประกาศฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอกได้แก่
1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ เป็นต้น
2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์ ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) ข้อมูลจากนามบัตร และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น
3. ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของคู่ค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ) เป็นต้น
4. ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสคู่ค้า รายละเอียดของสินค้า และ/หรือบริการ เงื่อนไขทางการค้า รายละเอียดการส่งสินค้า และ/หรือบริการ รายละเอียดการส่งวัตถุดิบ เลขที่บัญชี และจำนวนเงิน เป็นต้น
5. ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน วงเงินสินเชื่อ เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฎในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
6. ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัท หรือในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนการค้า สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิ หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภพ.09/20 แผนที่ เอกสารที่เป็นหลักประกัน (ถ้ามี) (เช่น หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เช็ค และต้นขั้วเช็ค ใบสำคัญจ่าย สำเนาใบอนุญาตให้เป็นทนายความ และสำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
7. ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน
8. ข้อมูลอื่นๆ เช่น บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
วัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
ลำดับ | วัตถุประสงค์ | ฐานประมวลผลตามกฎหมาย |
1 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูล และสำรวจพฤติกรรมข้องคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานสัญญา ในกรณีที่ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้ามีความประสงค์เข้าทำสัญญาซื้อขาย หรือให้บริการกับบริษัท โดยเป็นฝ่ายยื่นคำขอ หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับทางบริษัทเอง ฐานความยินยอม ในกรณีที่ผู้ที่คาดว่าเป็นคู่ค้าไม่ได้มีคำขอมายังบริษัทว่าประสงค์จะเข้าทำสัญญา ซื้อขาย หรือให้บริการกับบริษัท แต่บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า โดยการตัดสินใจของ บริษัทเอง |
2 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อดำเนินการลงทะเบียนเป็นคู่ค้า หรือการดำเนินการอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน |
3 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดทำรายงาน และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท | ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท |
4 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดซื้อจัดจ้าง และการคัดเลือกคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอเข้าเสนอราคาของคู่ค้าที่เสนอราคา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ก่อนเข้าทำสัญญาซื้อขาย สัญญาให้บริการ หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ และดำเนินการตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท เช่น การตรวจสอบข้อมูล และคุณสมบัติของคู่ค้า เป็นต้น |
5 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ตลอดจนการดำเนินการตามคำขอต่างๆ ของคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการลงทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ตลอดจนการดำเนินการตามคำขอต่างๆของคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในระบบของบริษัท เช่น การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลของคู่ค้า เป็นต้น |
6 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดทำ และการบริหารจัดการสัญญาระหว่าบริษัทกับคู่สัญญาใดๆ | ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคู่สัญญาดังกล่าว ที่ได้แสดงเจตนาเข้าทำสัญญากับบริษัท ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญา (หรือของบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือตัวแทนของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาเป็นนิติบุคคล) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการจัดทำ และการบริหารจัดการสัญญาของบริษัท เช่น การตรวจสอบยินยันตัวตน และคุณสมบัติของคู่สัญญา เป็นต้น |
7 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งเข้าทำกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานสัญญา การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งเข้าทำกับ คู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การสั่งซื้อสินค้า หรือบริการ การตั้งหนี้ และชำระราคาสินค้า หรือบริการ และการรับสินค้า หรือบริการ เป็นต้น |
8 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับ คู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน | ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การติดต่อประสานงานกับคู่ค้า หรือตัวแทนของคู่ค้า เพื่อการับสินค้า หรือบริการ เป็นต้น |
9 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง | ฐานกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัท อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น |
10 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ในขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมาย | ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ในขั้นตอนต่างๆตามกฎหมาย เช่น การสอบสวน และ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น |
11 | เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท | ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัท เช่น การใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัทสูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น ฐานป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล |
12 | เพื่อการดำเนินการใดๆที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น | ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินการใดๆ ที่จำเป็นของบริษัท และ/หรือเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไห้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน |
เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น ในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญา หรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ ตามแต่กรณีที่อาจเกิดขึ้นนั้น
ในกรณีที่บริษัท จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีนโยบาย หรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านโยบาย หรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว แล้วแต่กรณี
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด และตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคล และหน่วยงานดังต่อไปนี้
1. เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัท บริษัทในเครือ ซึ่งหมายความรวมถึง ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็น
2. คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมาย หรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ในการให้บริการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการเก็บข้อมูล บริการชำระเงิน บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการตลาด บริการประกันชีวิต บริการประกันวินาศภัย หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
3. บุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษาของบริษัท อาทิ ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายใน และภายนอกบริษัท
4. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการอาหาร และยา สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
5. บุคคล หรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคล หรือหน่วยงานนั้นๆ อาทิ การเปิดเผยการประมวลภาพกิจกรรมตามช่องทางสื่อต่างๆ ของบริษัทให้แก่ประชาชนทั่วไป
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กำหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน หรือระหว่างการดำเนินการ
7. ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย และเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐาน และหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ กรณีที่บริษัท ส่งหรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนด โดยบริษัทจะขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว
ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ
นอกจากนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กำหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้น หรือที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัท และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ
ในเบื้องต้นบริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทสิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าว หากกฎหมายอนุญาต หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัท
หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บ หรือระบบของบริษัท และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัท (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทสามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัท ตามแนบท้ายประกาศฉบับนี้
สิทธิต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล |
คำอธิบาย |
สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านอาจขอให้บริษัท ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านอาจขอให้บริษัท ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล | ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง | ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด |
สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม | ในกรณีที่บริษัท อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ |
สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน | หากท่านมีความกังวล หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัท เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 9 ของประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบ และวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด |
ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน โดยบริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้
วิธีการติดต่อบริษัท
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใดๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ท่านสามารถติดต่อกับบริษัทผ่านช่องทางดังนี้
– บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)
– เลขที่ 71 อาคาร SP Arcade ชั้น 3 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
– โทรศัพท์ 02-319-4949
– โทรสาร 02-319-7337
– อีเมล์ pdpa@sappe.com
การเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับนี้
บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้โดยบริษัท บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศที่มีความสำคัญผ่านช่องทางที่เหมาะสม
ประกาศ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2565